sustainable business คืออะไร? 3 องค์กรชั้นนำไหนที่เอาจริงในเรืองนี้ 

Sustainable business หรือ ธุรกิจที่ยั่งยืนคือแนวคิดในการสร้างหลักประกันว่าธุรกิจจะยังคงสามารถดำเนินการได้ในอนาคตโดยไม่ได้มุ่งไปที่ผลกำไรสูงสุดอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  โดยใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ และยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำจะไม่ส่งผลเสียต่อชุมชนรอบ ๆ ตัวพวกเขาในทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นจากมลภาวะหรือการใช้แรงงานที่ไม่เป็นธรรม 

ในหลายปีที่ผ่านมา sustainable business หรือ ธุรกิจที่ยั่งยืน เป็น หนึ่งในเรื่องที่คนทั่วโลก กำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะแวดวงการทำธุรกิจ เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และ ทำให้ผู้บริโภคร่วมรู้สึกไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น วันนี้เราจึงนำเอา 2  องค์กรที่ นำ sustainable business โมเดลมาปรับใช้ จนถือว่าเป็นตัวอย่างให้กับ หลายๆ ธุรกิจได้เริ่มทำตาม มาฝากกัน 

  1. Starbucks 

Starbucks ถือได้ว่าเป็น 1 ในองค์กรที่นำหลักการของ sustainable business มาปรับใช้อย่างยาวนาน และ ยังถือว่าเป้น แบรนด์ที่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ เพราะเป็นองค์กรแรกของโลกที่ทำการก่อตั้งตำแหน่ง Cheif Sustainability Officer ทางแลรนด์ให้ความใส่ใจตั้งแต่ การจัดหาเมล็ดกาแฟที่ทนต่อสภาพอากาศ ทำให้เป็นผลดีกับการเพาะปลูกเนื่องจาก เกษตรกรสามารถปลูกกาแฟพันธ์ุดี ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ใช้ดินเท่าเดิม ทำให้ช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอน หรือ การปลูกกาแฟใต้ต้นไม้ หรือ ที่เรียกว่า “ Shade grown cofffe” ซึ่งช่วยลดปัญหาการบุกรุกป่าได้อย่างดี 

 ทั้งนี้ ทางแบรนด์ยังคำนึงถึงผลประโยชน์ของชุมชน ด้วยการรับซื้อชาและโกโก้ อย่างมีจริยธรรม ในส่วนของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นั้น Starbucks ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในเรื่องของ รีไซเคิล เช่นการนำ กากกาแฟมาทำเป็นโต๊ะนั่งภายในร้าน  ไปจนถึงการที่ Starbucks ได้มีการทำแก้วออกมาขายหลากหลาย collection ให้ได้เลือกซื้อกันและ เมื่อนำมาซื้อเครื่องก็จะได้ส่วนลด หรือ แต้มสะสม เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะต้องการ สร้างนิสัยการนำแก้วกลับมาใช้เพื่อลดปริมาณของแก้วใช้แล้วทิ้ง ซึ่งตั้งแต่ปี 2013 – 2018 ลูกค้า Starbucks ได้ร่วมกันลดการใช้แก้ว single-use ไป แล้วกว่า 10 ล้านใบ 

  1. Nike 

แบรนด์ขวัญใจนักกีฬาหลายๆ ท่านที่ ก็เป็นอีก 1 องค์กรที่เอาจริงเอาจังในเรื่องของ ธุรกิจแบบยั่งยืนมาเป็นเวลานาน ทางแบรนด์ร่วมมือกับ Fair Labor association เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็กในการผลิตสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม ไปจนถึงการคิดค้นนวัตรกรรม ในการผลิตที่ช่วยลดขยะเหลือทิ้งให้มากที่สุด  เช่นการผลิตโดยไม่ใช้กาว อีกทั้ง ทางแบรนด์ยังรับบริจาค รองเท้ากีฬาเพื่อนำมาอัดบทำพื้นที่สนามกีฬาที่ทีมชาติ บราซิลและอังกฤษใส่ในฟุตบอลโลก 2014 ที่ได้ใช้ขวดน้ำพบาสติกมารีไซเคิลไปกว่า 3,000 ขวด  อีกหนึ่ง โปรเจคที่ โด่งดัง คือ การที่ Nike ได้ทำ เสื้อกีฬาจาก ขวดพลาสติก รีไซเคิลและ ยิ่งไปกว่านั้น ทางแบรนด์ยังได้ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ เพื่อนำมาปรับใช้ในการลดการใช้น้ำ เช่น ระบบย้อมผ้าที่ ไม่ใช้น้ำ และ สารเคมี อันตราย ซึ่งช่วยให้ย้อมเร็วขึ้น 40% ในขณะที่ช่วยลดพลังงานในการผลิต ไปได้ถึง 60%  

Nike ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ สามารถพลิกโฉมตัวเองจากแบรนด์ที่ครั้งนึงเคยตกเป็นเป้าในการถูกวิพากย์วิจารณ์่ว่าใช้แรงงานทาส มาเป็นองค์กร ที่ยืนหยัด เพื่อความยั่งยืนได้ อย่างชัดเจน จนตอนนี้ชื่อเสียง ของ Nike เป็นบวกมากขึ้นต่อผู้บริโภค